1) ลิ้งก์เพิ่มเติมความรู้รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560#พิเศษจะรหัสลิ้งก์ในหนังสือเพื่อให้เข้าไปอ่านเพิ่มเติมความรู้ นอกเหนือจากหนังสือของผม
เว็บมาสเตอร์ |
#ลิ้งก์เพิ่มเติมความรู้อ่านสอบถ้าซื้อหนังสือภาคก.จากผม (พิเศษจะรหัสลิ้งก์ในหนังสือเพื่อให้เข้าไปอ่านเพิ่มเติมความรู้ นอกเหนือจากหนังสือ) (ไม่ได้ซื้อหนังสือก็เข้ามาอ่านได้เหมือน ไม่ได้สงวนลิขสิทธิ์แต่อย่างใด ขอให้ท่านมีความรู้และสอบได้ก็พอแล้ว รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย หมวดที่ 1เป็นหมวดเกี่ยวกับบททั่วไป (มาตรา 1 – มาตรา 5) ซึ่งกำหนดหลักสำคัญๆ ไว้โดยสามารถแบ่งเนื้อหาออกเป็นเรื่องต่างๆ ได้ดังนี้ (1) รูปแบบของแบบของรัฐ (2) รูปแบบการปกครอง (3) อำนาจอธิปไตย (4) ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาคของบุคคล (5) สถานะของรัฐธรรมนูญ โดยมีรายละเอียดต่างๆ ดังนี้ (1) รูปแบบของแบบของรัฐ Øประเทศไทยเป็นราชอาณาจักรอันหนึ่งอันเดียว จะแบ่งแยกมิได้ (2) รูปแบบการปกครอง Øประเทศไทยมีการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (3) อำนาจอธิปไตย Øอำนาจอธิปไตยเป็นของปวงชนชาวไทย Øพระมหากษัตริย์ผู้ทรงเป็นประมุข ทรงใช้อำนาจนั้นทางรัฐสภา คณะรัฐมนตรีและศาล ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญ Øรัฐสภา คณะรัฐมนตรี ศาล องค์กรอิสระและหน่วยงานของรัฐ ต้องปฏิบัติหน้าที่ ให้เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎหมาย และหลักนิติธรรม เพื่อประโยชน์ส่วนของประเทศชาติ และความผาสุกของประชาชนโดยรวม (4) ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาค Øศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพและความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครองและปวงชนชาวไทยย่อมได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญเสมอกัน (5) สถานะของรัฐธรรมนูญ Øรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศ Øบทบัญญัติใดของกฎหมาย กฎหรือข้อบังคับ หรือการกระทำใดขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติหรือการกระทำนั้นเป็นอันใช้บังคับมิได้ Øเมื่อไม่มีบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญนี้บังคับแก่กรณีใด ให้กระทำการนั้นหรือวินิจฉัยกรณีนั้นไปตามประเพณีการปกครองประเทศไทยในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หมวดที่ 2 เป็นหมวดเกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ (มาตรา 6– มาตรา 24) ซึ่งกำหนดหลักสำคัญๆ ไว้โดยสามารถแบ่งเนื้อหาออกเป็นเรื่องต่างๆ ได้ดังนี้ (1) สถานะของพระมหากษัตริย์ (2) คณะองคมนตรี (3) ข้าราชการในพระองค์ (4) ผู้สำเร็จราชการในพระองค์ (5) การสืบราชสมบัติ (6) การถวายสัตย์ปฏิญาณ โดยมีแยกประเด็นรายละเอียดดังนี้ (1) สถานะของพระมหากษัตริย์ Øองค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้ และผู้ใดจะกล่าวหาหรือฟ้องร้องพระมหากษัตริย์ในทางใดๆ มิได้ Øพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพุทธมามกะ และอัครศาสนูปถัมภก Øพระมหากษัตริย์ทรงดำรงตำแหน่งจอมทัพไทย Øพระมหากษัตริย์ทรงไว้ซึ่งพระราชอำนาจที่จะสถาปนาและถอดถอนฐานันดรศักดิ์และพระราชทานและเรียกคืนเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (2) คณะองคมนตรี มีรายละเอียดดังนี้ Øพระมหากษัตริย์ทรงเลือกและทรงแต่งตั้งผู้ทรงคุณวุฒิเป็นประธานองคมนตรีคนหนึ่ง และองคมนตรีอื่นอีกไม่เกิน 18 คน รวมเป็น19 คน ประกอบเป็นคณะองคมนตรี Øคณะองคมนตรีมีหน้าที่ถวายความเห็นต่อพระมหากษัตริย์ในพระราชกรณียกิจทั้งปวงที่พระมหากษัตริย์ทรงปรึกษา และมีหน้าที่อื่นตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ Øการเลือกและแต่งตั้งองคมนตรีหรือการให้องคมนตรีพ้นจากตำแหน่งให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย Øให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งประธานองคมนตรี หรือให้ประธานองคมนตรีพ้นจากตำแหน่ง Øให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการแต่งตั้งองคมนตรีอื่น หรือให้องคมนตรีอื่นพ้นจากตำแหน่ง Øองคมนตรีต้อง vไม่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสมาชิกวุฒิสภาหรือดำรงตำแหน่งทางการเมืองอื่นตุลาการศาลรัฐธรรมนูญผู้ดำรงตำแหน่งในองค์อิสระ พนักงานรัฐวิสาหกิจเจ้าหน้าที่อื่นของรัฐ หรือสมาชิกหรือเจ้าหน้าที่ของพรรคการเมือง หรือข้าราชการเว้นแต่การเป็นข้าราชการในพระองค์ในตำแหน่งองคมนตรี vไม่แสดงการฝักใฝ่ในพรรคการเมืองใดๆ Øก่อนเข้ารับหน้าที่ องคมนตรีต้องถวายสัตย์ปฏิญาณต่อพระมหากษัตริย์ ด้วยถ้อยคำดังต่อไปนี้ v“ข้าพพระพุทธเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอถวายสัตย์ปฏิญาณว่า ข้าพระพุทธเจ้าจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ” Øองคมนตรีพ้นจากตำแหน่งเมื่อตาย ลาออกหรือมีพระบรมราชโองการให้พ้นจากตำแหน่ง (3) ข้าราชการในพระองค์โดยมีรายละเอียด ดังนี้ Øการแต่งตั้งและการให้ข้าราชการในพระองค์พ้นจากตำแหน่ง ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัย Øการจัดระเบียบราชการและการบริหารงานบุคคลของราชการในพระองค์ให้เป็นไปตามพระราชอัธยาศัยตามที่บัญญัติไว้ในพระราชกฤษฎีกา (4) ผู้สำเร็จราชการราชการแทนพระองค์ รายละเอียดดังนี้ Øในเมื่อพระมหากษัตริย์จะไม่ประทับอยู่ในราชอาณาจักร หรือจะทรงบริหารพระราชภาระไม่ได้ด้วยเหตุใดก็ตาม vจะทรงแต่งตั้งบุคคลคนหนึ่งหรือหลายคนเป็นคณะขึ้นให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์หรือไม่ก็ได้ vในกรณีที่ทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ให้ประธานรัฐสภาเป็นผู้ลงนามรับสนองพระบรมราชโองการ Øในกรณีที่พระมหากษัตริย์มิได้ทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไว้ หรือในกรณีที่พระมหากษัตริย์ไม่สามารถทรงแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เพราะยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะหรือเพราะเหตุอื่น แต่ต่อมาคณะองคมนตรีพิจารณาเห็นว่ามีความจำเป็นสมควรแต่งตั้งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์และไม่อาจกราบบังคมทูลให้ทรงแต่งตั้งให้ทันการ ให้คณะองคมนตรีเสนอชื่อบุคคลคนหนึ่งหรือหลายคนเป็นคณะ ตามลำดับที่โปรดเกล้าโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมไว้ก่อนแล้วให้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แล้วแจ้งประธานรัฐสภาเพื่อประกาศในพระปรมาภิไธยพระมหากษัตริย์ แต่งตั้งผู้นั้นขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ Øในระหว่างที่ไม่มีผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ให้ประธานองคมนตรีเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราวไปพลางก่อน Øในกรณีที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้ประธานองคมนตรีทำหน้าที่ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นการชั่วคราวไปพลางก่อน Øในระหว่างที่ประธานองคมนตรีเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ vประธานองคมนตรีจะปฏิบัติหน้าที่ในฐานะเป็นประธานองคมนตรีมิได้ vในกรณีเช่นว่านี้ ให้คณะองคมนตรีเลือกองคมนตรีคนหนึ่งขึ้นทำหน้าที่ประธานองคมนตรีเป็นการชั่วคราวไปก่อน Øก่อนเข้ารับหน้าที่ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ซึ่งได้รับการแต่งตั้ง ต้องปฏิภาณตนในที่ประชุมรัฐสภาด้วยถ้อยคำ ดังต่อไปนี้ v“ข้าพเจ้า (ชื่อผู้ปฏิญาณ) ขอปฏิญาณว่า ข้าพเจ้าจะจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ (พระปรมาภิไธย) และจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนทั้งจะรักษาไว้และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ” vผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ซึ่งเคยได้รับการแต่งตั้งและปฏิญาณตนมาแล้ว ไม่ต้องปฏิญาณตนอีก Link: คลิ๊กที่นี่ |