การตั้งชื่อและใช้สูตรคำนวณ Excel
เว็บมาสเตอร์ |
ดังที่ได้กล่าวมาแล้ว นั้น ได้อธิบายว่าเซลต่างๆในเวิร์กชีตจะมีชื่อเรียกว่า Cell reference หรือ "ชื่อเดิม" ของเซลอยู่ทุกๆเซล ซึ่งชื่อนี้จะประกอบไปด้วยชื่อคอลัมนและแถวของเซลนัน้มารวมกัน เช่น เซลที่อยู่ตรงคอลัมน์ F แถวที่ 8 ก็จะเรียกว่าเซล F8 แต่ในการทำงานจริงบางครั้งจำเป็นต้องตั้งชื่อเซลให้สื่อความหมายมากกว่านี้ เพื่อให้นำไปใช้งานได้ง่ายและสะดวกขึ้น เช่น ถ้ามีเซลอยู่กลุ่มหนึ่งซึ่งเก็บจำนวนเงินที่นำเข้าสินค้าเดือนกุมภาพันธุ์ แทนที่จะเรียก "E5:E8" แต้ถ้าเราตั้งว่า Feb หรือ ก.พ. ก็น่าจะเข้าใจมากกว่า
ตั้งชื่อเซลโดยใช้ กล่องชื่อ ( Name box ) วิธีนี้เป็นวิธีที่ง่ายและรวดเร็วที่สุดในการตั้งชื่อเซลหรือกลุ่มเซลเพียงกลุ่มเดียว เพราะคุณสามารถจะพิมพ์ชื่อเข้าไปในช่อง name box (กล่องชื่อ) ได้ทันที ( วิธีนี้ใช้ตั้งชื่อเซลได้อย่างเดียว แต่จะลบหรือเปลี่ยนชื่อไม่ได้ ) 1. เลือกเซลหรือกลุมเซลที่ต้องการตั้งชื่อเป็นชื่อเดียวกัน 2. คลิกที่ช่อง name box (กล่องชื่อ) พิมพ์ชื่อหรือกลุ่มเซล 3. เสร็จแล้วกด Enter ประโยชน์ของชื่อเซลที่ตั้งเอง 1. เลือกกลุ่มเซลที่ต้องการนำมาคำนวรค่า 2. คลิกขวาบนแถบ Status ( สถานะ ) แล้วเลือกผลลัพธ์ที่ต้องการจากเมนูลัดซึ่งจะประกอบด้วย None (ไม่มี) ไม่ต้องคำนวณหาผลลัพธ์ใดๆเลย Average (ค่าเฉลี่ย) หาค่าเแลี่ยของตัวเลข Count (จำนวนนับ) นับจำนวนเวลทั้งหมดที่คุณเลือกไว้ Count Nums (นับเฉพาะสิ่งที่เป้นตัวเลข) นับจำนวนเซลที่เป็นตัวเลข Max (ค่ามากที่สุด) หาค่าสูงสุดจากทุกๆเซลที่เลือก Min (ค่าน้อยที่สุด) หาค่าต่ำสุดจากทุกๆเซลที่เลือก Sum (ผลรวม) หาผลรวมของตัวเลข
Opertor แต่ละตัวมีระดับความสำคัญไม่เท่ากัน เช่น เราใส่สูตร =2+3*5 โดยเราต้องการใหโปรแกรมนำ 2+5 (ได้5) แล้วนำไปคูณกับ 5 จะได้เป็น 25 แต่เครื่องหมายคูณ* มีระดับความสำคัญสูงกว่าบวก + โปรแกมจึงนำ3*5 ก่อน(ได้15) แล้วจึงบวกกับ 2 ได้เป็น 17 วิธีที่จะบังคับให้ Excel คิดเหมือนที่เรา ก็คือใส่ ( ) คร่อมส่วนที่ต้องการคำนวณก่อนเป็น =(2+3)*5 เท่านี้ก็ได้คำตอบที่ถูกต้องแน่นอน ตารางต่อไปนี้จะแสดงระดับความสำคัญของ Opertor ต่างๆจากมากไปน้อย โดย Opertor ที่มีระดับความสำคัญสูงจะถูกคำนวณก่อน และถ้ามี opertor ที่มีระดับความสำคัญเดียวกันในสูตร Excel จะคำนวณจากซ้ายไปขวาทีละตัว พิมพ์สูตรคำนวณด้วยตัวเอง วิธีที่ง่ายที่สุดในการสร้างสูตรก็คือพิมพ์ทุกอย่างลงไปเอง ไม่ว่าจะเป็นชื่อเซล ตัวเลข หรือเครื่องหมายคำนวณต่างๆ 1. คลิกเลือกเซลที่จะใส่สูตรคำนวณ 2. พิมพ์เครื่องหมาย = 3. พิมพ์สูตรโดยใช้ชื่อเซล หรือตำแหน่งเซล 4. กด Enter ก็ขะได้ผลลัพธ์
ใช้ปุ่ม Insert Function หรือแถบสูตรคำนวณ ช่วยใส่ฟังก์ชั่น 1. คลิกเซลที่ใส่ฟังก์ชั่น 2. คลิกปุ่ม Insert Function ( แทรกฟังก์ชั่น )หรือกด Shift+ F3 3. คลิกเลือกประเภทของฟังก์ชั่นจากเมนูของช่อง Or select a category ( หรือเลือกประเภท ) เช่น AVERAGE 4. คลิก ตกลง 5. คลิกปุ่ม Collapse 6. ใช้เมาส์คลิกที่เป็นอาร์กิวเมนต์หรือที่จะนำมาคำนวณ คลิกปุ่ม Collapse 7. กด ตกลงเพื่อจบสูตร เลือกฟังก์ชั่นจากปุ่ม AotoSum ( ผลรวมอัตโนมัติ ) สำหรับฟังก์ชั่นต่างๆทำหน้าที่ต่างๆดังต่อไปนี้ Sum (ผลรวม) หาผลรวมของตัวเลข Average (ค่าเฉลี่ย) หาค่าเฉลี่ยเลขคณิต Count (จำนวน) นับจำนวนเซลทั้งหมดที่คุณเลือกไว้ Max (ค่ามากที่สุด) หาค่าสูงสุดจากทุกๆเซลที่เลือก Min (ค่าน้อยที่สุด) หาค่าต่ำสุดของตัวเลข More Functions (ฟังก์ชั่นเพิ่มเติม) ไปเลือกฟังก์ชั่นอื่นๆ ที่มา Link: คลิ๊กที่นี่ |