รวมคำสัมภาษณ์ของท้องถิ่น ของกรมส่งเสริมปกครองท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นๆ ดูเพิ่มเติมได้ที่ http://pun2013.bth.cc/webboard/topic-view-338872
เว็บมาสเตอร์ |
รวมคำสัมภาษณ์ของท้องถิ่น ของกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น และหน่วยงานอื่นๆ เลื่อนดูด้านล่างๆ (จะเอาลงเพิ่มเติมอีก หากมีข้อมูล) (ลองดูครับ เผื่อใช้ประโยชน์ได้บ้าง) โหลดไปอ่าน แนะนำการสอบท้องถิ่น ภาค ค. สอบสัมภาษณ์ คำถามสัมภาษณ์ สอบท้องถิ่น การเตรียมตัวสอบภาคค.ท้องถิ่น(อบต.อบจ.เทศบาล เมืองพัทยา) คำแนะนำในการสอบภาคความเหมาะสมกับตำแหน่ง(สัมภาษณ์)
กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
ภาคความเหมาะสมกับตำแหน่ง(ภาคค)(คะแนนเต็ม100คะแนน)
เป็นการประเมินบุคคลเพื่อพิจารณาความเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่จากประวัติส่วนตัวประวัติการศึกษาประวัติการทำงานและพฤติกรรมที่ปรากฏทางอื่นของผู้เข้าสอบและจากการสัมภาษณ์ทั้งนี้อาจใช้วิธีการอื่นใดเพิ่มเติมอีกก็ได้เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในด้านต่างๆเช่นความรู้ที่อาจใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติงานในหน้าที่ความสามารถประสบการณ์ท่วงทีวาจาอุปนิสัยอารมณ์ทัศนคติจริยธรรมและคุณธรรมการปรับตัวเข้ากับผู้ร่วมงานรวมทั้งสังคมและสิ่งแวดล้อมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ปฏิภาณไหวพริบและบุคลิกภาพอย่างอื่นเป็นต้น
ตามประกาศคณะกรรมการกลางการสอบแข่งขันพนักงานส่วนท้องถิ่นที่ระบุขอบเขตในการประเมินผู้เข้าสอบในภาคค.จะจำแนกได้ดังนี้
1."จากประวัติส่วนตัวประวัติการศึกษาประวัติการทำงาน"กรรมการจะดูจากตรงไหน?
-รายละเอียดในใบสมัครที่ผู้สมัครกรอกไว้ตอนสมัครสอบ
-จากการสอบถามผู้เข้าสอบโดยตรงหรือให้ผู้เข้าสอบแนะนำตัว(เจอแน่นอน)
-จากแฟ้มผลงาน(หากมีหรือหากเจ้าหน้าที่อนุญาตให้นำเข้าห้องสอบได้สำหรับผู้ที่ไม่มีก็ไม่ใช่ปัญหา)
ในส่วนประวัติฯให้ผู้สมัครเตรียมตัวสำหรับการพูดแนะนำตัวเองไปด้วยเพราะกรรมการจะต้องให้แนะนำตัวเอง"แนะนำตัวหน่อย","พูดเกี่ยวกับตัวคุณหน่อยชื่ออะไรทำงานที่ไหนอายุเท่าไหร่"คำถามก็ประมาณนี้
ในการตอบก็ให้ฝึกไว้ก่อนว่าจะพูดอะไรก่อนหลังเรียงลำดับไว้เพราะถ้าไม่ท่องไว้ก่อนพอไปเจอสถานการณ์จริงเกิดอาการตื่นเต้นจะหลงลืมพูดติดๆขัดๆได้
การแนะนำตัวเช่นกระผม/ดิฉันชื่อ..............อายุ......การศึกษา...........การทำงาน..........(อื่นๆที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์)จะเพิ่มเติมจะนำเสนอตัวเองในสิ่งที่คิดว่าน่าสนใจก็แนะนำด้วยเช่นความสามารถพิเศษเป็นต้น
2."พฤติกรรมที่ปรากฏทางอื่นของผู้เข้าสอบและจากการสัมภาษณ์"
ตรงส่วนนี้กรรมการจะดูเราตั้งแต่การแต่งกายทรงผมท่าทางที่เราแสดงออกเช่นการเดินการนั่งเป็นต้น
การแต่งกายของผู้เข้าสอบภาคค.จะต้องเรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ชายควรสวมเสื้อแขนยาวสีเรียบกางเกงขายาวรองเท้าหุ้มส้น
ก่อนจะเข้าห้องสอบให้เคาะประตูก่อนแล้วขออนุญาตพอเดินไปถึงโต๊ะกรรมการก็สวัสดีแล้วอย่ารีบนั่งรอฟังคำสั่งจากกรรมการก่อนว่าจะให้เราแนะนำตัวหรือจะให้นั่งก่อน
3."ความรู้ที่อาจใช้ประโยชน์ในการปฏิบัติงานในหน้าที่ความสามารถประสบการณ์ท่วงทีวาจาอุปนิสัยอารมณ์ทัศนคติจริยธรรมและคุณธรรมการปรับตัวเข้ากับผู้ร่วมงานรวมทั้งสังคมและสิ่งแวดล้อมความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ปฏิภาณไหวพริบและบุคลิกภาพอย่างอื่น"
ส่วนนี้สำคัญมากคำถามที่กรรมการมักจะถามเช่น
-ทำไมถึงอยากรับราชการ?
-ทำไมถึงอยากรับราชการในกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
-คุณคาดหวังอย่างไรกับอาชีพรับราชการ
-หากสอบตำแหน่งที่ไม่ตรงกับคุณวุฒิจะเจอคำถามเช่น"คุณจบนิติศาสตร์มาแล้วทำไมมาสอบตำแแหน่งนักพัฒนาชุมชน","คุณจะนำความรู้ที่คุณเรียนมาไปปรับใช้กับตำแหน่งที่สมัครได้อย่างไร(คำถามนี้มักจะเป็นคำถามที่กรรมการถามบ่อยในหลายๆหน่วยงาน)"
-หากคุณจบระดับปริญญาตรีแต่สมัครในระดับต่ำกว่ากรรมการจะถามว่า"คุณจบปริญญาตรีทำไมมาสอบในตำแหน่งวุฒิปวส.","เงินเดือนวุฒิปวส.น้อยกว่าปริญญาตรีรับได้ไหม"
-หากคุณทำงานมีอาชีพอยู่แล้วกรรมการมักจะถามว่า"อาชีพที่ทำก็ดีอยู่แล้วทำไมถึงอยากมาทำงานนี้","ถ้าหากคุณสอบได้คุณก็ต้องลาออกจากที่ทำงานเดิมคุณไม่ห่วงหน่วยงานเดิมเหรอที่ต้องขาดบุคลากรไปคุณไม่สงสารเพื่อนร่วมงานเหรอที่ต้องมีภาระหน้าที่เพิ่มขึ้น"
-หากคุณเพิ่งเรียนจบหรือยังไม่ได้ทำงานกรรมการอาจถามว่า"คุณยังไม่มีประสบการณ์ในการทำงานคุณจะมีแนวทางในการปฏิบัติงานอย่างไร"
-กรรมการจะถามเกี่ยวกับงานในตำแหน่งที่สมัครสอบเช่นคุณทราบหรือไม่ว่าตำแหน่งนักพัฒนาชุมชนทำอะไรบ้างมีหน้าที่อย่างไร?(ปรับใช้กับตำแหน่งที่คุณสมัครสอบ)
-จงบอกข้อดีและข้อเสียของคุณ
-ถ้าคุณได้บรรจุฯคุณจะทำอะไรเป็นสิ่งแรก(อาจเกี่ยวกับงานในหน้าที่หรือถามเกี่ยวกับชีวิตส่วนตัว)
-หากคุณได้บรรจุฯเข้าไปทำงานแล้วเกิดปัญหาในการปฏิบัติงานคุณจะมีแนวทางในการแก้ปัญหาอย่างไร?
-การจะเป็นข้าราชการที่ดีต้องปฏิบัติตนอย่างไร?
-หากได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้ทำในสิ่งที่ผิดระเบียบฯคุณจะทำอย่างไร?(ตอบไปเลยไม่ทำเพราะเป็นคำสั่งที่ไม่ชอบด้วยกฏหมาย,ผู้ใต้บังคับบัญชาจะต้องปฏิบัติตามคำสั่งผู้บังคับบัญชาแต่หากคำสั่งนั้นเป็นคำสั่งที่ผิดระเบียบหรือมิชอบด้วยกฏหมายผู้ใต้บังคับบัญชาก็มีสิทธิที่จะไม่ปฏิบัติตามคำสั่งได้)
-อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นชื่ออะไร
-รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยชื่ออะไร
-คำขวัญประจำจังหวัดภูมิลำเนา
-หลักธรรมที่ใช้ในการปฏิบัติงาน
-ถามความรู้เกี่ยวกับงานในตำแหน่งที่สมัครสอบ
***เป็นเพียงตัวอย่างคำถามที่คณะกรรมการฯมักจะถามในการสอบเพื่อคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการในหน่วยงานต่างๆโดยคำถามจะผันแปรไปกับตำแหน่งที่คุณสมัครและคำตอบของคุณอาจจะเป็นคำถามข้อต่อไปดังนั้นคุณจะต้องหาทางหนีทีไล่ให้ได้
***สิ่งที่เป็นอุปสรรคในการเข้าสอบสัมภาษณ์คืออาการตื่นเต้นโดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเคยเข้าสอบสัมภาษณ์เป็นครั้งแรกวิธีแก้สำหรับแต่ละบุคคลก็อาจจะแตกต่างกันออกไปคำแนะนำคือให้สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆหาวิธีผ่อนคลายตัวเองเช่นพูดคุยกับเพื่อนที่รอสอบสัมภาษณ์ด้วยกันหรือคุยกับพี่ๆเจ้าหน้าที่ควบคุมการสอบ
***ไม่จำเป็นต้องตอบทุกคำถามหากมีคำถามที่คุณไม่รู้จริงๆและหากตอบไปจะไม่เป็นผลดีกับตัวคุณก็ให้ตอบว่าไม่ทราบจะดีกว่า
รวมคำสัมภาษณ์ของท้องถิ่น ของกรมส่งเสริมปกครองท้องถิ่น ********************************************** ************************************ 1.ถ้าคุณเป็นผู้บริหารส่วนท้องถิ่นคุณจะพัฒนาอะไรเป็นอย่างแรก
การสอบภาคความรู้ความเหมาะสมกับตำแหน่ง (ภาค ค.) |
เว็บมาสเตอร์ |
เทคนิคการเตรียมตัวตอบสัมภาษณ์ในการสอบเป็น”ครูผู้ช่วย” ...จินตนาการเหนือกว่าความรู้...ไอสไตน์พูดเอาไว้ ขณะที่นักพูดสร้างแรงจูงใจหลายท่าน ก็กล่าวว่า ...หากเราคิดและจิตนาการเป็นภาพใส่อารมณ์ร่วมเข้าไปด้วย สิ่งที่จินตนาการนั้นก็จะเป็นผลจริง..... ปรารถนาให้ผู้เข้าสอบแข่งขันเป็นครูผู้ช่วย ได้จินตนาการว่าได้ทำข้อสอบข้อเขียนในห้องสอบได้อย่างมีความสุข เดาข้อสอบไม่กี่ข้อ นอกนั้นทำได้หมดเลย สุขใจมาก คะแนนข้อเขียนผ่านเกณฑ์ชัวร์ เหลือแต่สัมภาษณ์ "จะต้องก้าวข้ามได้อย่างข้อเขียนแน่นอน"
..ข้อเขียนต่อไปนี้จะช่วยให้ผู้เข้าสอบสัมภาษณ์ได้ใช้จินตนาการเพื่อความสำเร็จสมบูรณ์ โดยมีเป้าหมายว่าทำคะแนนสัมภาษณ์ได้ 50 หรือใกล้ 50 คะแนน ตังเป้าอย่างนั้น…
การสรรหาบุคคลเข้าทำงานในหน่วยงานหรือองค์กร ไม่ว่าจะเป็นเอกชนหรืองานราชการ มักจะใช้การสัมภาษณ์เป็นวิธีหนึ่งในการคัดเลือกเพื่อดูความเหมาะสมของบุคคล ยิ่งหากเป็นการคัดเลือกบุคคลให้เข้ารับราชการจะมีหลักสูตรกำหนดไว้เป็นการเฉพาะ ดังเช่น การสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตำแหน่งครูผู้ช่วย กรณีทั่วไป ตามหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคลากรเข้ารับราชการเป็นราชการครูและบุคคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ตามหนังสือสำนักงาน ก.ค.ศ.ที่ ศธ. 0206.6/ว14 ลงวันที่ 24 กรกฏาคม 2557 ที่เรียกย่อว่า “การสอบครูผู้ช่วยตาม ว14/2557” ได้กำหนดให้ประเมินในภาคความเหมาะสมด้วยวิธีการสัมภาษณ์ ซึ่งกำหนดคะแนนเต็มในส่วนนี้ไว้ 50 คะแนน
จึงเป็นโจทย์สำคัญของผู้เข้าสอบว่า จะทำอย่างไรที่จะให้ได้คะแนนเต็ม 50 หรือใกล้เคียง 50 ...เพราะคะแนนส่วนนี้หากประมวลในภาพรวมแล้วจะได้ง่ายที่สุด เป็นคะแนนที่ไปเติมเต็มภาคข้อเขียนได้เป็นอย่างดี... ผู้เข้าสอบสามารถแก้โจทย์นี้ได้ หากเรียนรู้และปฏิบัติตามเทคนิควิธีการการเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์ ..ดังนี้ครับ
การสอบสัมภาษณ์และการให้คะแนนมีหลักเกณฑ์อย่างไร? “การสอบสัมภาษณ์” เป็นวิธีการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง ตามหลักสูตรสอบแข่งขันหรือสอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการหรือเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นของส่วนราชการต่างๆ โดยทั่วไปการพิจารณาความเหมาะสมกับตำแหน่ง จะพิจารณาจาก ประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน ประสบการณ์การทำงาน บุคลิกภาพด้านต่างๆ รวมทั้งอุปนิสัย ท่วงทีวาจา ปฏิภาณไหวพริบ คุณธรรม จริยธรรม และเจตคติ ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่ ความรู้ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ หรือ อื่นๆ ตามหน่วยงานผู้สอบฯ กำหนด
ดังเช่น การสอบแข่งขันครูผู้ช่วย สังกัด สพฐ. กรณีทั่วไป ตาม ว14/2557 ได้กำหนดให้มีการสอบสัมภาษณ์ โดยประเมินจาก “ประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา บุคลิกลักษณะท่วงทีวาจา วุฒิภาวะทางอารมณ์ การมีปฏิญาณไหวพริบ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เจตคติและอุดมการณ์”
การประเมินความเหมาะสมด้วยวิธีการสัมภาษณ์ หลักสูตรการคัดเลือกหรือสอบแข่งขันฯจะกำหนดคะแนนเต็มในส่วนนี้รวมเป็นคะแนนเต็ม 50 คะแนน ส่วนจะแยกย่อยคะแนนแต่ละประเด็นหรือไม่อย่างไร ขึ้นกับหลักเกณฑ์และวิธีการดำเนินงานของหน่วยสอบ ในการสอบแข่งขันครูผู้ช่วย สังกัด สพฐ. กรณีทั่วไป ตาม ว14/2557 หลักเกณฑ์กำหนดแค่ประเด็นการประเมินฯ แต่หน่วยสอบ (กศจ.) อาจกำหนดรายละเอียดคะแนนในแต่ละประเด็น เช่น “ประวัติส่วนตัวประวัติการศึกษา (10 คะแนน) บุคลิกลักษณะท่วงทีวาจา (10 คะแนน) วุฒิภาวะทางอารมณ์ (10 คะแนน) การมีปฏิญาณไหวพริบ (10 คะแนน) ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เจตคติและอุดมการณ์ (10 คะแนน) รวมคะแนนเต็ม 50 คะแนน”
ในการให้คะแนนการสอบสัมภาษณ์ของกรรมการผู้สอบสัมภาษณ์ (เป็นแนวทางปฏิบัติมักกำหนดโดยหน่วยสอบ) จะกำหนดช่วงของคะแนนที่จะให้ไว้อย่างชัดเจน เหมาะสม และเป็นธรรม เช่น กำหนดความต่างของคะแนนผู้เข้าสอบฯไม่เกิน 3 คะแนนบ้าง (ต่ำสุด 47 คะแนน สูงสุด 49 คะแนน) หรือ 5 คะแนน (ต่ำสุด 45 คะแนน สูงสุด 49 คะแนน) มักไม่นิยมให้คะแนนเต็ม 50 เพราะโดยหลักการแล้วจะไม่มีใครที่จะสมบูรณ์ เยี่ยมยอด (หากจะให้คะแนนเต็ม 50 ก็สามารถทำได้ แต่กรรมการอาจบันทึกชี้แจงเพิ่มเติม อันนี้ก็เป็นเรื่องที่หน่วยสอบกำหนดเช่นกัน)
ดังนั้นผู้เข้าสอบสัมภาษณ์จึงไม่ต้องวิตกหรือกังวลมากนัก อย่างไรก็ได้คะแนนส่วนนี้เกิน 40 คะแนน อย่างแน่นอน นั่นหมายถึง สิ่งที่ทำให้สอบได้หรือสอบตกจึงไม่ได้อยู่ที่การสอบสัมภาษณ์แต่อยู่ที่การสอบข้อเขียนต่างหาก
จะเตรียมตัวและเข้าสอบสัมภาษณ์อย่างไรให้ได้คะแนนมากที่สุด? ดังที่ได้กล่าวมาเบื้องต้นแล้วว่า การสัมภาษณ์ เป็นการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่งโดยประเมินผู้เข้าสอบทุกคน เพื่อพิจารณาความเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ จากประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน เพื่อพิจารณาความเหมาะสมกับตำแหน่งในด้านต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ ทั้งความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ ท่วงทีวาจา อุปนิสัย เจตคติ และบุคลิกภาพ ดังนั้นการจะเป็นผู้เข้ารับการสัมภาษณ์ที่ดีและได้คะแนนมากที่สุด (ให้ถูกตัดน้อยที่สุด) ควรมีและ ใช้เทคนิคการเตรียมสอบสัมภาษณ์ การเข้าสอบสัมภาษณ์ จึงจะทำให้เกิดความมั่นใจ
จากที่เคยผ่านการถูกสัมภาษณ์ และเคยเป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์ ใคร่แนะนำดังนี้ 1) เบื้องต้นควรกรอกใบสมัครให้ดี และมีความสมบูรณ์มากที่สุด เพราะกรรมการสอบสัมภาษณ์ส่วนมากจะดูข้อมูลส่วนตัวผู้เข้ารับการสัมภาษณ์จากใบสมัครประกอบการสัมภาษณ์ด้วย(ตอนสมัครสอบ) 2) ในวันสอบสัมภาษณ์ ควรแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย สะอาด ภูมิฐานมากที่สุด หากใส่สูท ผูกไทด์ รองเท้าคัทชู จะสุดยอดมากเลย 3) ควรงดสูบบุหรี่ เครื่องดื่ม หรืออาหารกลิ่นจัด เพราะหากขณะสัมภาษณ์กลิ่น คงไม่เป็นที่สบอารมณ์กรรมการมากนัก ทางที่ดีนอกจากไม่ดื่มแล้วควรอมลูกอมให้ปากหอมแทนจะดีกว่า 4) ขณะรอสัมภาษณ์ควรรอด้วยความอดทน ทำจิตใจให้สงบ สดชื่น ผ่องใส มีอารมณ์ร่าเริง เบิกบาน 5) ควรศึกษาหาความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวกับหน่วยงานที่เราสมัครสอบว่า มีความเป็นมาอย่างไร หัวหน้าหน่วยงานชื่ออะไร เพราะหากถูกสัมภาษณ์ แล้วตอบไม่ได้ อาจส่งผลต่อการให้คะแนนในภาพรวม 6) เมื่อผู้สอบคนอื่นออกจากห้องสอบสัมภาษณ์ หากมีโอกาสก็สอบถามข้อมูลหรือประเด็นที่กรรมการสัมภาษณ์ถาม เพื่อจะเตรียมคำตอบ เพราะโดยทั่วไปประเด็นที่ถาม มักจะถามคล้ายๆ กัน 7) เมื่อถูกเรียกชื่อให้เข้ารับการสัมภาษณ์ ขณะเดินเข้าห้องสอบช่วงนั้นโดยทั่วไปมันจะหวิวและตื่นเต้นมาก ให้หายใจลึก ๆ และเรียกกำลังใจ สู้ ๆ ขณะเดิน ควรก้าวเดินให้เป็นปกติ ระมัดระวัง แต่เต็มไปด้วยความมั่นใจ 8) เมื่อไปถึงหน้าโต๊ะสัมภาษณ์ ควรยกมือไหว้กรรมการ และนั่งลงเมื่อได้รับการบอกให้นั่ง บางที่กรรมการอาจมีกติกาหรือแนวทางที่ไม่บอกเพื่แประเมินอะไรซักอย่าง อย่างนี้ดูห่วงเวลาที่เหมาะสมแล้วนั่งลง 9) ตั้งใจฟังประเด็นคำถามที่ถาม ตอบให้ตรงประเด็น โดยเล่าสั้นๆ เฉพาะที่จำเป็นพอสังเขป เว้นแต่กรรมการถามซ้ำ ถามเพิ่มเติม หรือให้อธิบาย 10) ขณะถูกสัมภาษณ์ควรแสดงสีหน้าให้เป็นปกติ ยิ้มแย้ม และแสดงความตั้งใจ สนใจกรรมการสัมภาษณ์ทุกคน 11) เมื่อถูกถามให้ตอบด้วยน้ำเสียงปกติ หากตอบไม่ได้ควรบอกว่า เรื่องนี้ผม/ดิฉันไม่ทราบ หรือ ตอบไม่ได้ครับ / ค่ะ เพราะบางคำถามกรรมการไม่ต้องการคำตอบที่ถูกทั้งหมด หากแต่ต้องการสังเกตปฏิภาณไหวพริบ และท่วงทีวาจาด้วย 12) คำถามบางคำถาม กรรมการบางคนต้องการอธิบายให้เราฟัง อาจเป็นการเสนอแนะ หรือเจตนาไรก็แล้วแต่ หากเป็นเช่นนี้ ควรแสดงความสนใจใคร่รู้ ใคร่ฟัง แสดงอาการสนใจ ผงกศีรษะเบาๆรับ หรือตอบ... "ครับ/ ค่ะ"... ในบางครั้งเราควรพูดว่า ..."เรื่องนี้ผม/ดิฉัน/หนูเพิ่งทราบ นับว่าท่านได้กรุณาให้ความรู้เป็นอย่างมาก ขอบคุณท่านมากครับ/ ค่ะ"...(มธุรสวาจาเหล่านี้ ตรงกับบทสักวา ที่ว่า ..." สักวาหวานอื่นมีหมื่นแสน ไม่เหมือนแม้นพจมานที่หวานหอม กลิ่นประเทียบเปรียบดวงพวงพะยอม อาจจะน้อมจิตโน้มด้วยโลมลม"...) อันจะส่งผลต่อความพึงพอใจให้กรรมการมากที่สุด บางโอกาสกลับกลายเป็นว่าเราเป็นผู้ถาม และเป็นผู้สัมภาษณ์กรรมการเสียเลย (ฮา..ความจริงมี เกิดประจำ) 13) เมื่อกรรมการสอบสัมภาษณ์จบ กล่าวให้กำลังใจ สร้างความหวัง ควรยกมือไหว้และกล่าวขอบคุณ แล้วลุก เดินออกจากห้องสอบด้วยอาการปกติ หากอยากแสดงความสะใจ จนอดไม่ได้ ให้พ้นห้องสอบเสียก่อนแล้วค่อย...เย้..
แนวคำถามคำตอบในการสอบสัมภาษณ์มีอะไรบ้าง? แนวคำถามคำตอบในการสอบสัมภาษณ์ เพื่อบรรจุเป็นข้าราชการครู ตำแหน่งครูผู้ช่วย รวมทั้งตำแหน่งผู้บริหารการศึกษา(ข้อความในวงเล็บ) ให้เตรียมในเรื่องเหล่านี้ 1) คำถามทั่วไป เช่น ให้แนะนำตัว สอบถามถึงภูมิลำเนา การศึกษา ความชอบ ไม่ชอบ ปัญหาหรือแนวทางแก้ไข การปรับตัวเข้ากับเพื่อนครู ผู้บริหาร ชุมชน เป็นต้น 2) หลักการทั่วไป เช่น เป้าหมายการสอน คุณลักษณะที่ดีของครู คุณลักษณะของผู้เรียน (เป้าหมายของการบริหาร หลักการบริหารงาน การบริหารความขัดแย้ง องค์ประกอบการทำงานให้สำเร็จคุณธรรมของผู้บริหาร ครองตน ครองคน ครองงาน องค์ประกอบของระบบงานโรงเรียน ปัจจัยในการบริหารงานโรงเรียน เทคนิคหรือทักษะการบริหาร กลวิธีทำงานร่วมกับเพื่อน ผู้บังคับบัญชา แนวคิดพื้นฐานของมนุษย์ ปัจจัยที่ทำให้คนอยากทำงาน) เป็นต้น 3) หลักวิชาชีพครู เช่น จรรยาบรรณวิชาชีพครู เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพ วินัย ข้อห้ามสำหรับครูคุณลักษณะครูที่ดี ที่พึงประสงค์ ลักษณะครูมืออาชีพ (ลักษณะผู้บริหารมืออาชีพ) เป็นต้น 4) ทิศทางความเคลื่อนไหวการศึกษา เช่น นโยบายรัฐบาล นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการยุทธศาสตร์ของ สพฐ. เขตพื้นที่ จังหวัด ชื่อบุคคลสำคัญ ผู้บริหารการศึกษาในระดับต่างๆ เป็นต้น 5) แนวทางการสร้างความเป็นเลิศ การจัดการเรียนรู้ผู้เรียนสำคัญ การพัฒนาทักษะผู้เรียนในศตวรรษที่ 21 (การบริหารโรงเรียนสู่ความเป็นเลิศ หลักการและเทคนิคการบริหาร ทรัพยากรบริหาร นโยบายยุทธศาสตร์ของชาติ ศธ. สพฐ. เขตพื้นที่ จังหวัด หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน หลักการจัดการเรียนรู้ หลักสูตรสถานศึกษา การพัฒนาวิธีการปฏิบัติที่เป็นเลิศหรือ Best Practice) เป็นต้น
จำเป็นจะนำแฟ้มสะสมผลงาน (PORTFOLIO) ไปใช้สอบสัมภาษณ์ด้วยหรือไม่? แฟ้มสะสมผลงาน (portfolio) หมายถึง แหล่งรวมข้อมูลที่จัดทำขึ้นอย่างเป็นระบบ โดยข้อมูลดังกล่าว จะนำมาใช้ในการวิเคราะห์สำหรับประเมินผลการทำงาน เพื่อพัฒนาและปรับปรุงการทำงานให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นต่อไป นอกจากนั้น แฟ้มสะสมผลงานยังมีประโยชน์ในการเป็นเอกสารประกอบการประเมินคุณลักษณะหรือผลการปฏิบัติงาน หรือ การคัดเลือกในโอกาสต่างๆ เช่น การสอบคัดเลือกเข้าทำงาน การสอบสัมภาษณ์เข้ารับราชการ เป็นต้น ดังนั้นการเก็บรวมรวมข้อมูลจึงควรครอบคลุมประเภทต่างๆ ที่เป็นสิ่งสะท้อนความรู้ ความสามารถและความเหมาะสมของบุคคล
สำหรับการสอบแข่งขันครูผู้ช่วย สังกัด สพฐ. กรณีทั่วไป ตามหลักเกณฑ์ ว14/2557กำหนดการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่งและวิชาชีพ โดยวิธีการสัมภาษณ์ สังเกต ตรวจเอกสาร หรือวิธีการที่เหมาะสม เพื่อสะท้อนและแสดงถึงประวัติส่วนตัว การศึกษา ประวัติการทำงานประสบการณ์การทำงาน บุคลิกภาพ คุณลักษณะความเหมาะสมของผู้ที่จะเป็นครู ท่วงที วาจา ปฏิภาณ ไหวพริบ คุณธรรมจริยธรรม และเจตคติต่อวิชาชีพ หลักเกณฑ์ไม่ได้กำหนดให้จัดทำแฟ้มสะสมผลงานสำหรับการสอบสัมภาษณ์ไว้เป็นการเฉพาะแต่อย่างไร (แต่บางหน่วยสอบอาจกำหนดได้ อันนี้ดูประกาศสอบฯ) ดังนั้น หากประกาศสอบไม่ได้กำหนดก็ไม่จำเป็นต้องจัดทำ หรือนำไปใช้ในการสอบสัมภาษณ์ แต่อย่างไรก็แล้วแต่ปัจจุบันผู้เข้าสอบสัมภาษณ์มักนิยมจัดทำแฟ้มผลงาน แผ่นพับ โบชัวร์ผลงานไปใช้ในการสอบสัมภาษณ์ด้วย อาจเพื่อสร้างความมั่นใจ สร้างความอุ่นใจ ลดความประหม่า เพื่อขู่คู่แข่ง หรือเจตนาใดก็แล้วแต่ หากผู้เข้าสอบสัมภาษณ์ตัดสินใจและจะนำใช้ประกอบการสัมภาษณ์ก็ไม่ได้เสียหายอะไรถึงแม้ประกาศไม่ได้กำหนด เกณฑ์ให้คะแนนส่วนนี้ไม่มี แต่อาจส่งผลดีในทางจิตวิทยานอกจากต่อตนเองดังกล่าวมาแล้ว อาจมีผลโน้มนำให้กรรมการเห็นถึงความตั้งใจของเรา กรรมการบางท่านอาจเปิดดูและนำข้อมูลในนั้นมาถาม หากอย่างนี้เราก็จะตอบได้ดี ตรงประเด็นเพราะเป็นผลงานที่เราได้จัดทำอยู่แล้ว มีผลต่อคะแนนอย่างแน่นอน
ดังนั้น แฟ้มสะสมผลงานของผู้เข้ารับการสัมภาษณ์ จึงควรจัดทำด้วยความประณีต ดูดี ไม่หนาเกินไป ในแฟ้มควรประกอบด้วย 3 ส่วนคือ 1) ส่วนที่ 1 เกี่ยวกับประวัติ ได้แก่ ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน ประวัติการรับราชการ (ถ้ามี) ประวัติการสัมมนา / ฝึกอบรมหรือศึกษาดูงาน ประวัติการสอน คุณลักษณะพิเศษส่วนตัว โดยแนบหลักฐานประกอบเฉพาะที่สำคัญ สิ่งนี้จะตอบโจทย์ประเด็น ประวัติส่วนตัวประวัติการศึกษา อาจรวมถึง ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เจตคติและอุดมการณ์ 2) ส่วนที่ 2 เกี่ยวกับผลงานดีเด่นที่เคยได้รับ ได้แก่ งานที่ทำในปัจจุบัน งานสอน (ถ้ามี) แนบหลักฐานประกอบเฉพาะที่สำคัญ สิ่งนี้จะตอบโจทย์ประเด็น ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เจตคติและอุดมการณ์ 3) ส่วนที่ 3 เกี่ยวกับวิสัยทัศน์หรือแนวคิดเมื่อได้เป็นครู ได้แก่ แนวทางในการปฏิบัติตนและปฏิบัติงานเมื่อได้บรรจุเป็นครูผู้ช่วย ความคาดหวังที่ต้องการ แนบแผนผังมโนทัศน์ประกอบ สิ่งนี้จะตอบโจทย์ประเด็น ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เจตคติและอุดมการณ์ ซึ่งทั้งสามส่วน อาจเป็นข้อมูลและโน้มนำให้กรรมการได้ตั้งเป็นประเด็นขึ้นมาถาม ก็จะส่งผลให้ตอบโจทย์ประเด็น บุคลิกลักษณะท่วงทีวาจา วุฒิภาวะทางอารมณ์ การมีปฏิญาณไหวพริบ ได้
การสอบสัมภาษณ์หากเป็นอย่างที่เล่ามา ถึงคะแนนโดยรวมไม่ต่างกันมากนัก และทำให้มั่นใจว่าผ่านเกณฑ์ภาคนี้ (เกณฑ์ผ่านร้อยละ 60) อย่างแน่นอน แต่หนึ่งหรือสองคะแนนที่ทำได้จากการสอบสัมภาษณ์ดีกว่าผู้เข้าสอบท่านอื่น ก็จะส่งผลให้เรามีลำดับที่ที่ดีกว่า (หากคะแนนข้อเขียนได้ไม่ต่างกัน) มีโอกาสได้บรรจุแต่งตั้งก่อนแน่นอน ดังนั้นผู้เข้าสัมภาษณ์ควรศึกษาประเด็นการให้คะแนน เตรียมตัวอย่างดี ฝึกถามตอบตนเอง สร้างเอกสารให้ประณีตตรงประเด็น เชื่อว่าจะทำให้เกิดความมั่นใจ และส่งผลให้ได้คะแนนสัมภาษณ์ 50 หรือใกล้เคียง 50 อย่างแน่นอน |
เว็บมาสเตอร์ |
เทคนิคในการเข้าสอบสัมภาษณ์ 1.หลักเกณฑ์การสอบสัมภาษณ์และการให้คะแนน การสอบสัมภาษณ์เป็นวิธีการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง ตามหลักสูตรสอบแข่งขันหรือ สอบคัดเลือกบุคคลเข้ารับราชการหรือเลื่อนตำแหน่งให้สูงขึ้นของส่วนราชการต่างๆ โดยทั่วไปการพิจารณา ความเหมาะสมกับตำแหน่ง จะพิจารณาในด้านต่างๆ ดังนี้ 1.1) ประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน (ถ้ามี) ประสบการณ์การทำงาน (ถ้ามี) 1.2) บุคลิกภาพด้านต่างๆ รวมทั้งอุปนิสัยของผ้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการคร 1.3) ท่วงทีวาจาปฏิภาณไหวพริบ 1.4) คุณธรรม จริยธรรม และเจตคติ 1.5) ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่ 1.6) ความรู้ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ 1.7) อื่นๆ ตามหน่วยงานผู้สอบฯกำหนด การให้คะแนนของการสอบสัมภาษณ์โดยทั่วไป (คะแนนเต็ม 50 คะแนน ) การให้คะแนนของ กรรมการสอบสัมภาษณ์ จะกำหนดช่วงของคะแนนที่จะให้ไว้อย่างชัดเจน เช่น กำหนดความต่างของคะแนน ผู้เข้าสอบฯไม่เกิน 3 คะแนน ( ตํ่าสุด 47 สุงสุด 49 ) หรือ 5 คะแนน (ตํ่าสุด 45 สุงสุด 49) มักไม่นิยมให้คะแนนเต็ม 50 เพราะโดยหลักการแล้วจะไม่มีใครที่เยี่ยมยอด ดังนั้นผู้เข้าสอบสัมภาษณ์จึงไม่ต้องวิตกหรือกังวลมากนัก สิ่งที่ทำให้สอบได้หรือสอบตกไม่ได้อยู่ที่ การสอบสัมภาษณ์แต่อยู่ที่การสอบข้อเขียนต่างหาก 2.การเตรียมตัวและวิธีการเข้าสอบสัมภาษณ์ให้ได้คะแนนมากที่สุด ดังที่ได้กล่าวมาเบื้องต้นแล้วว่า การสัมภาษณ์เป็นการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง โดยประเมินผู้เข้าสอบทุกคน เพื่อพิจารณาความเหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ จากประวัติส่วนตัว ประวัติ การศึกษา ประวัติการทำงาน เพื่อพิจารณาความเหมาะสมกับตำแหน่งในด้านต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ในการ ปฏิบัติหน้าที่ ทั้งความร้ความสามารถ ประสบการณ์ท่วงทีวาจา อุปนิสัย เจตคติ และบุคลิกภาพ ดังนั้นการจะเป็นผู้เข้ารับการสัมภาษณ์ที่ดีและได้คะแนนมากที่สุด(ให้ถูกตัดน้อยที่สุด) ควรมีและใช้เทคนิคการเตรียมสอบสัมภาษณ์การเข้าสอบสัมภาษณ์จึงจะทำให้เกิดความมั่นใจ จากที่เคยผ่านการถูกสัมภาษณ์ และเคยเป็นกรรมการสอบสัมภาษณ์ ใคร่แนะนำ ดังนี้ 2.1) เบื้องต้นควรกรอกใบสมัครให้ดี และมีความสมบุรณ์มากที่สุด เพราะกรรมการสอบสัมภาษณ์ส่วนมากจะดูข้อมูลส่วนตัวผู้เข้ารับการสัมภาษณ์จากใบสมัครประกอบการสัมภาษณ์ด้วย(ตอนสมัครสอบ) 2.2) ในวันสอบสัมภาษณ์ ควรแต่งกายให้สุภาพเรียบร้อย สะอาด ภูมิฐานมากที่สุด 2.3) ควรงดสูบบุหรี่ เครื่องดื่ม หรืออาหารกลิ่นจัด เพราะหากขณะสัมภาษณ์กลิ่น คงไม่เป็นที่สบอารมณ์กรรมการมากนัก ทางที่ดีนอกจากไม่ดื่มแล้วควรอมลูกอม ให้ปากหอมแทนจะดีกว่า 2.4) ขณะรอสัมภาษณ์ควรรอด้วยความอดทน ทำจิตใจให้สดชื่น ผ่องใส มีอารมณ์ร่าเริงเบิกบาน ไม่ควรบ่น หรือนินทา ว่าร้ายกรรมการ 2.5) ควรศึกษาหาความรู้ในเรื่องที่เกี่ยวกับหน่วยงานที่เราสมัครสอบว่า มีความเป็นมาอย่างไร เพราะหากถูกสัมภาษณ์แล้วไม่มีความรู้เลย คุณคงไม่ได้คะแนน(อาจถูกตัด)แน่นอน 2.6) ขณะที่คนอื่นเข้าสัมภาษณ์ ควรอยู่และสังเกตผู้ที่เข้าสัมภาษณ์ เพื่อติดถามข้อมูลหรือประเด็นที่กรรมการสัมภาษณ์ถาม เพื่อเตรียมคำตอบ เพราะโดยทั่วไปประเด็นที่ถาม มักจะถามคล้ายๆ กัน 2.7) ขณะที่ถูกเรียกชื่อเพื่อเข้ารับการสัมภาษณ์ ควรก้าวเดินเข้าไปให้เป็นปกติ และมีความมั่นใจให้มากที่สุด 2.8) เมื่อไปถึงหน้าโต๊ะสัมภาษณ์ ควรยกมือไหว้กรรมการทุกคน และนั่งเมื่อได้รับการบอกให้นั่ง 2.9) ประเด็นคำถามที่ถาม (บอกให้พูด : ควรเตรียมไปให้ดี และเล่าสั้นๆ เฉพาะที่จำเป็น) 2.9.1) ประวัติส่วนตัว ประวัติการศึกษา ประวัติการทำงาน ประสบการณ์การทำงาน (ถ้ามี) 2.9.2) บุคลิกภาพด้านต่างๆ รวมทั้งอุปนิสัยของผู้ที่จะเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครู 2.9.3) ท่วงทีวาจา ปฏิภาณไหวพริบ 2.9.4) คุณธรรม จริยธรรม และเจตคติ 2.9.5) ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานในหน้าที่ 2.9.6) ความรู้ในเรื่องการรักษาความปลอดภัยแห่งชาติ 2.10) ขณะถูกสัมภาษณ์ควรแสดงสีหน้าปกติ และแสดงความสนใจกรรมการสัมภาษณ์ทุกคน 2.11) เมื่อถูกถามให้ตอบด้วยนำเสียงปกติ หากตอบไม่ได้ควรบอกว่า เรื่องนี้ ผม/ดิฉันไม่ทราบ หรือ ตอบไม่ได้ครับ / ค่ะ เพราะบางคำถามกรรมการไม่ต้องการคำตอบที่ถูกทั้งหมด หากแต่ต้องการสังเกตปฏิภาณไหวพริบ และท่วงทีวาจาด้วย 2.12) คำถามบางคำถาม กรรมการบางคนต้องการอธิบายให้เราฟัง เพื่ออวดภูมิรู้ด้วย หากเป็นดังนี้ คุณควรแสดงความสนใจใคร่รู้ ใคร่ฟัง แสดงอาการยิ้ม ผงกศีรษะรับ หรือตอบ... "ครับ/ ค่ะ"... ในบางครั้ง ควรพูดว่า..."เรื่องนี้ผมเพิ่งทราบนับว่าท่านได้กรุณาให้ความรู้เป็นอย่างมากขอบคุณท่านมากครับ/ค่ะ"... (มธุรสวาจาเหล่านี้ตรงกับบทสักวา ที่ว่า ..." สักวาหวานอื่นมีหมื่นแสน ไม่เหมือนแม้นพจมานที่หวานหอม กลิ่นประเทียบเปรียบดวงพวงพะยอม อาจจะน้อมจิตโน้มด้วยโลมลม"...) อันจะส่งผลต่อความพึงพอใจให้ กรรมการมากที่สุด บางโอกาสกลับกลายเป็นว่าเราเป็นผู้ถาม และเป็นผู้สัมภาษณ์กรรมการเสียเลย (ประเด็น นี้ ผมมักใช้บ่อย และรู้สึกว่าจะได้ผลดีด้วย) 2.13) เมื่อกรรมการสอบสัมภาษณ์จบ ควรยกมือไหว้และกล่าวขอบคุณ 3. แนวคำถามคำตอบในการสอบสัมภาษณ์ แนวคำถามคำตอบในการสอบสัมภาษณ์ที่จะกล่าวต่อไปนี้เป็นแนวคำถามสอบสัมภาษณ์เพื่อบรรจุ เป็นข้าราชการครุและผู้บริหารการศึกษาและบุคลากรทางการศึกษา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการสรุปได้ดังนี้ 3.1) หลักการทั่วไป เช่น เป้าหมายการสอน คุณลักษณะที่ดีของครุ คุณลักษณะของผู้เรียน เป้าหมายของการบริหาร หลักการบริหารงาน การบริหารความขัดแย้ง องค์ประกอบการทำงานให้สำเร็จ คุณธรรมของผู้บริหาร ครองตน ครองคน ครองงาน องค์ประกอบของระบบงานโรงเรียน ป้จจัยในการ บริหารงานโรงเรียน เทคนิคหรือทักษะการบริหาร กลวิธีทำงานร่วมกับเพื่อน ผู้บังคับบัญชา แนวคิดพื้นฐาน ของมนุษย์ ป้จจัย ที่ทำให้คนอยากทำงาน เป็นต้น 3.2) หลักวิชาชีพครู เช่น จรรยาบรรณวิชาชีพครุ เกณฑ์มาตรฐานวิชาชีพ วินัย ข้อห้ามสำหรับครุ คุณลักษณะครูที่ดี พึงประสงค์ ลักษณะครุมืออาชีพ ลักษณะผู้บริหารมืออาชีพ เป็นต้น 3.3) คำถามทั่วไป เช่น ให้แนะนำตัว สอบถามถึงภูมิลำเนา การศึกษา ความชอบ ไม่ชอบ ป้ญหา หรือแนวทางแก้ไข การปรับตัวเข้ากับครุ ชุมชน เป็นต้น 3.4) ทิศทางความเคลื่อนไหวการศึกษาเช่นนโยบายรัฐบาล นโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ ยุทธศาสตร์ของ สพฐ. สพท. การบริหารโรงเรียน ชื่อบุคคลสำคัญ ผู้บริหารการศึกษาในระดับต่างๆ เป็นต้น 3.5) การบริหารโรงเรียนสู่ความเป็นเลิศ(สำหรับสายบริหาร) เช่น หลักการและเทคนิคการบริหาร ทรัพยากรบริหาร นโยบายยุทธศาสตร์ของชาติ ศธ. สพฐ. สพท. หลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน ROAD MAP ทางการศึกษา การจัดการเรียนรู้ หลักสูตรสถานศึกษา การจัด Best Practice เป็นต้น 4. การจัดทำแฟ้มผลงานใช้สำหรับการสอบแข่งขัน 4.1) ความสำคัญของแฟ้มสะสมผลงาน (PORTFOLIO) แฟ้มสะสมผลงาน (portfolio) หมายถึง แหล่งรวมข้อมูลที่จัดทำขั้นอย่างเป็นระบบ โดยข้อมูล ดังกล่าว จะนำมาใช้ในการวิเคราะห์สำหรับประเมินผลการทำงาน เพื่อพัฒนาและปรับปรุงการทำงานให้ สมบูรณ์ยิ่งขั้นต่อไป นอกจากนั้นแฟ้มสะสมผลงานยังมีประโยชน์ในการเป็นเอกสารประกอบการประเมิน คุณลักษณะหรือผลการปฏิบัติงาน หรือการคัดเลือกในโอกาสต่างๆ เช่น การสอบคัดเลือกเข้าทำงาน การ สอบสัมภาษณ์เข้ารับราชการ เป็นต้น ดังนั้นการเก็บรวมรวมข้อมูลจึงควรครอบคลุมประเภทต่างๆ ที่เป็น หลักการสำคัญในการจัดทำแฟ้มสะสมงานนั้นๆ 4.2) แฟ้มสะสมงานครู (TEACHER PORTFOLIO) แฟ้มสะสมผลงานครู เป็นแฟ้มสะสมผลงานส่วนบุคคล ควรจัดทำอย่างประณีตและให้มีสาระสำคัญ ประกอบไปด้วย สามส่วนที่สำคัญ ดังนี้ 4.2.1) ส่วนที่ 1 ประวัติส่วนตัว ได้แก่ ประวัติการศึกษา ประวัติการรับราชการ ประวัติการหยุดราช การประวัติการได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ประวัติการสัมมนา /แกอบรมหรือศึกษาดูงาน ประวัติ การสอน ลักษณะพิเศษส่วนตัว เป็นด้น 4.2.2) ส่วนที่ 2 สรุปงานที่ปฏิฟ้ติ ได้แก่ งานสอน (ด้านปริมาณ-ด้านคุณภาพ) งานบริการทางการศึกษา (ด้านปริมาณ-ด้านคุณภาพ) งานอบรมปกครองดูแล (ด้านปริมาณ-ด้านคุณภาพ) งานกิจกรรมนักเรียน (ด้านปริมาณ-ด้านคุณภาพ) งานศึกษาและพัฒนาตนเอง (ด้านปริมาณ-ด้านคุณภาพ) การรักษาวินัยและ ประพฤติตน (ด้านปริมาณ-คุณภาพ) งานติดต่อกับผู้ปกครอง (ด้านปริมาณ-คุณภาพ) ผลงานดีเด่น (ด้าน ปริมาณ-ด้านคุณภาพ) งานบริการชุมชน (ด้านปริมาณ-ด้านคุณภาพ) การร่วมมือกับผู้บริหาร (ด้านปริมาณ- ด้านคุณภาพ)งานอื่นๆ ที่ได้รับมอบหมาย (ด้านปริมาณ-ด้านคุณภาพ) 4.2.3) ส่วนที่ 3 ภาคผนวก ประกอบไปด้วย เอกสารอ้างอิง เช่น คำสั่ง ประกาศเกียรติคุณบัตร เป็นด้น 4.3) การทำแฟ้มผลงานประกอบการสอบสัมภาษณ์ (การสอบแข่งขัน) ดังที่ได้กล่าวมาแล้วในตอนด้นว่า การสอบสัมภาษณ์เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการสอบแข่งขัน บรรจุบุคคลเข้ารับราชการภาคความเหมาะสมกับตำแหน่ง โดยหลักเกณฑ์และประเด็นที่นิยมนำมาใช้ใน การสัมภาษณ์ประกอบด้วย ประวัติส่วนตัว การศึกษา ประวัติการทำงานประสบการณ์การทำงาน บุคลิก ภาพ คุณลักษณะความเหมาะสมของผ้ที่จะเป็นครู ผ้บริหาร ท'วงที วาจา ปฏิภาณ ไหวพริบ คุณธรรมจริยธรรม และเจตคติต่อวิชาชีพ ความรู้ที่เป็นประโยชน์ต่อการปฏิบัติงานความรอบรู้ทั่วไป และความรอบรู้ ด้านการศึกษา(สำหรับสอบบรรจุครู) และ ผลงานดีเด่น ผลงานภาคภูมิใจ ดังนั้น แฟ้มสะสมผลงานของผู้เข้ารับการสัมภาษณ์จึงควรจัดทำด้วยความประณีต ดูดี ไม่หนาเกิน ไปในแฟ้มควรประกอบด้วย 3 ส่วนคือ ส่วนที่ 1 เกี่ยวกับประวัติส่วนตัว ได้แก่ ประวัติการศึกษา ประวัติ การทำงาน ประวัติการรับราชการ(ถ้ามี) ประวัติการสัมมนา /แกอบรมหรือศึกษาดูงาน ประวัติการสอน ลักษณะพิเศษส่วนตัว ส่วนที่ 2 เกี่ยวกับผลงานดีเด่นที่เคยได้รับ ได้แก่ งานที่ทำในป้จจุบัน งานสอน (ถ้ามี) และ ส่วนที่ 3 ภาคผนวก ประกอบไปด้วย เอกสารอ้างอิง เช่น คำสั่ง ประกาศเกียรติคุณบัตร เป็นด้น ขอบคุณข้อมูล จากสอบครูดอทคอม |